Track By Track
1. The Requiem
อินโทรของวง โดยใช้ธีมดนตรี เสียงเปียนโนและ เสียงสังเคราะห์ ได้เข้ากับ คอนเซปในอัลบั้มนี้
ความหมายของเนื้อเพลง ย่อยๆ
พระเจ้า โปรด ปกป้องพวกเรา
พวกเราจะถูกเผาไหม้โดยภายในตะวันทั้งพันดวง
สำรับ บาปที่ก่อด้วยมือเรา
บาปที่กระทำด้วยวาจาของเรา
ปาปที่กระทำโดยบิดาของเรา
ปาปที่กระทำโดยลูกหลานของเรา
ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลงมาจากSingleแรกของวง The Catalyst
2. The Radiance
เป็น เพลงสั้นๆซึ่งJ. Robert Oppenheimer ระลึกถึงการทดลองนิวเคลียร์ครั้งแรก
"ทุก คนในที่นั้นต่างรู้ว่าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก บางคนร้องไห้ บางคนหัวเราะ แต่พวกเราส่วนใหญ่พูดกันไม่ออก ผมนึกถึงประโยคจากคัมภีร์ภควัทคีตาของชาวฮินดูตอนที่พระวิษณุจำแลงร่างให้มี หลายกรแล้วตรัสว่า "ยามนี้ข้าคือมรณา ผู้ทำลายผืนพิภพ"
ผมคิดว่าเราทุกคนต่างก็คิดอย่างนั้น"
3. Burning In The Skies
เพลง เต็มๆเพลงแรกในอัลบั้มนี้ ซึ่งถ้าใครชอบอารมณ์แบบเพลงShadow Of The Dayก็อาจจะชอบเพลงนี้โดยไม่ยากนัก ซึ่งเนื้อหาเพลงนี้น่าจะเป็นการพูดถึงต่อความหมายต่อจากเพลง The Radiance เกี่ยวกับบาปของมนุษย์ซึ่งได้กระทำลงไปและบาปที่ทุกคนต้องร่วม
กันรับผิดชอบ
4. Empty Spaces
เพลง สั้นๆ ซึ่งเป็นเสียงมาจากสงครามๆหนึ่ง(อ้างอิงจากArtworkบนปก)
5. When They Come For Me
เพลง ทีขึ้นด้วยเสียงกลองสังเคราะห์และเพอคัสชั่น เป็นเพลงที่สื่อสารเพลงออกมาด้วยการแร็พ ของไมค์ เพลงนี้น่าจะพูดถึงประวัติศาสตร์ของคนกลุ่มๆนึง เพราะเนื้อเพลงกล่าวถึงชื่อคน หลายคนเอาไว้
6. Robot Boy
เพลงบัลลาด ช้าๆ ที่คลอไปกับเสียงเปียนโน
และเสียงประสานของไมค์และเชสเตอร์ ซึ่งกล่าวถึง การกระทำ และผลที่จะได้รับ
Hold on / the weight of the world / will give you the strength to go !
7. Jornada Del Muerto
Interludeสั้นๆอีกเพลง
แปลเป็นภาษาอังกฤษ ว่า
Lift me up
Let me go
และภาษาไทย
ฉุดฉันขึ้น
ปล่อยฉันไป
8. Waiting For The End
เพลงนี้จะเป็น Single ที่2 ของวง
เป็นเพลงแร็พอีกเพลงในอัลบั้ม และมีท่อนฮุคโดนๆ
และวลีเด็ดของเพลง
This is not the end, this is not the beginning
นี่ไม่ใช่จุดจบและไม่ไช่การเริ่มต้น
The hardest part of ending is starting again
ส่วนที่ยากที่สุดของจบจบคือการเรื่อมต้นไหม่อีกครั้ง
9. Blackout
เป็นเพลง เพลงเดียวในอัลบั้มที่มีเสียง สครีมของเชสเตอร์
เกี่ยวกับ 2สิ่งที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็เข้ากันได้
10. Wretches And Kings
เพลงนี่น่าจะเป็นการเอาใจแฟนเพลงในอัลบั้มเก่าๆได้เป็นอย่างดี
มีเสียงพูดและสบถของ Mario Savio
และเพลงยังเป็นแนว เก่าๆ ที่มีการแร็พและท่อนฮุค แรงๆ และเสียงแสครช
และเพลงที่น่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง
11. Wisdom, Justice, And Love
เป็นเพลงต่อจาก The Radiance
ซึ่งเป็นการระลึกถึง หลังจากที่ได้ทดลองนิวเคลีย์ครั้งแรกไปแล้ว
12. Iridescent
เพลงบัลลาดซึ่งน่าจะเป็น เพลงที่เศร้าและช้าและเบาที่สุดของวงที่เคยทำมาทั้งหมด
ใช้เสียงคลีนของไมค์และเชสเตอร์คลอไปกับเสียงเปียนโน
และพิเศษสุด เราจะได้ยินเสียงประสานของ ทั้ง 6คน ด้วย
Remember all the sadness and frustration
And let it go
พึงระลึกถึงสิ่งที่โศกเศร้าและความผิดหวัง และ ปล่อยมันไป
13. Fallout
เพลงต่อจาก Burning in the Skies เพื่อปูพื้นไปยังเพลงต่อไป
14. The Catalyst
เพลง ที่เป็นSingle แรกของอัลบั้มเป็นจุดรอยต่อระหว่างแนวเพลงในอัลบั้มที่ผ่านมาและอัลบั้มนี้ เราจะได้เห็น หน้าที่ของทั้ง 6คนอย่างชัดเจน
ถือเป็นเพลงที่ฟังง่าย ถ้าเทียบกับเพลงอื่นๆในอัลบั้ม
15. The Messenger
เพลงส่งท้ายในอัลบั้มที่ใช้ อคูสติกกีตาร์ ควบคู่ไปกับการโชว์พลังเสียงของเชสเตอร์
ซึ่งเนื้อเพลงจะพูดถึงความโศกเศร้าและการหลุดพ้น